“หลังจากนั้นสํานักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงกระทรวงเกษตรฯ ขอให้เร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงกลับไปใช้รูปแบบให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สหกรณ์ทั้งระบบผ่านกลไก “กองทุนพัฒนาสหกรณ์” วงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะจัดสรรเงินงบประมาณให้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ ปีละ 5,000 ล้านบาท จนครบ 15,000 ล้านบาท เพื่อให้กองทุนฯนำไปปล่อยกู้แก่สหกรณ์ที่ดีมีความสามารถในการชำระหนี้ นำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี จากนั้นกองทุนฯ จะนำดอกผล (4% ) มาจัดสรรให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ประสบปัญหาทางการเงิน นำไปใช้ในการฟื้นฟูกิจการจนกว่ากิจการจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นต้องนำเงินมาคืนกองทุนพัฒนาสหกรณ์” นายประกิต กล่าว
นายประกิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งจากกระทรวงเกษตรฯว่าโครงการให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ทั้งระบบผ่านกองทุนพัฒนาสหกรณ์นั้น ได้ผ่านความเห็นชอบจากนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว และกระทรวงเกษตรฯได้ส่งเรื่องนี้ไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รอบรรจุเข้าวาระที่ประชุม ครม. หากที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรฯนำเสนอ ปีแรกคงจะต้องใช้เงินจากงบกลาง 5,000 บาท เนื่องจากสำนักงบประมาณ ไม่ได้ตั้ง หรือ กันงบประมาณส่วนนี้เอาไว้ ที่เหลืออีก 10,000 ล้านบาท กระทรวงเกษตรฯตั้งเป็นงบผูกพันอีก 2 ปี การจัดสรรงบประมาณไปให้ “กองทุนพัฒนาสหกรณ์” ครั้งนี้ ใช้รูปแบบของเงินยืม ไม่ใช่เป็นเงินให้เปล่า โดยกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ต้องนำเงินมาคืนรัฐบาลภายใน 10 ปีอ่านซีรี่ย์เกาะติดสถานะสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเพิ่มเติม